ผื่นแพ้จากการสัมผัส (Contact Dermatitis)
หมายถึง อาการผื่นคันที่เกิดจากการสัมผัสถูกสิ่งกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย ซึ่งเป็นสารระคายเคืองหรือสารที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย เกิดผื่นอาจเป็นผลมาจากข้อใดข้อหนึ่งดังนี้
การระรายเคืองต่อผิวหนัง เนื่องจากถูกสารระคายเคืองทำให้ผิวหนังอักเสบ เช่น กรด ด่าง สบู่ ผงซักฟอก ยางไม้ เป็นต้น
การแพ้ ผู้ป่วยต้องเคยสัมผัสถูกสารมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนแล้วร่างกายถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ขึ้นมาเมื่อสัมผัสซ้ำ ทำให้เกิดอาการแพ้ การสัมผัสครั้งแรกกับครั้งหลังอาจห่างกันเป็นวัน ๆ เป็นเดือน เป็นปีก็ได้ เช่น พวกโลหะนิเกิล เงิน ยาทาเฉพาะที่ เช่น ซัลฟา ยาชา เครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม ลิปสติก เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า ถุงมือ สี ปูนซีเมนต์ สารเคมีต่าง ๆ
อาการ
จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง หรือตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ มีอาการคันบริเวณที่สัมผัส ทำให้เห็นเป็นรอย เช่น รอยสายนาฬิกา สร้อยคอ ฯลฯ บางรายอาจเป็นตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ ซึ่งต่อกันเป็นตุ่มพองใหญ่ เมื่อแตกออกจะมีน้ำเหลืองไหล และมีสะเก็ดเล็ก ๆ เกรอะกรัง เมื่ออาการทุเลาผิวหนังอาจแห้งเป็นขุย หรือหนาตัวขึ้นชั่วคราว บางรายผิวหนังอาจคล้ำลงหรือเป็นรอยด่างขาวชั่วคราว
อาการแทรกซ้อน
อาจเกาจนมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น เป็นตุ่มหนอง แผลพุพอง หรือน้ำเหลืองไหล
การรักษา
หาสาเหตุที่แพ้แล้วหลีกเลี่ยงโดยสังเกตจาก
ตำแหน่งที่เป็น เช่น ที่ศีรษะอาจแพ้ยาย้อมผมแชมพูสระผม ที่ใบหูอาจแพ้ตุ้มหู หน้าอาจแพ้เครื่องสำอาง
อาชีพและงานอดิเรก เช่น คนขับรถแพ้เบนซิน น้ำมันเครื่อง แม่บ้านแพ้ผงซักฟอง
รักษาผื่นแพ้โดย
ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ แล้วเช็ดให้แห้ง
ทาด้วยครีมสเตรอยด์ ถ้าเป็นมากให้ทายาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนนิรามีน
ถ้ามีหนอง หรือน้ำเกลือ ให้ทานยาปฏิชีวนะ
ในรายที่รุนแรง ควรส่งโรงพยาบาล
ข้อแนะนำ
โรคนี้ขึ้นอยู่กับการค้นหาสาเหตุของการแพ้ ส่วนใหญ่มักจะซักประวัติ หรือการทดสอบทางผิวหนัง ถ้าหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ได้มากจะหายใน 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน
โรคผื่นแพ้จากการสัมผัส Contact dermatitis
การแพ้ชนิดนี้เป็นแบบ T-cell mediated reactionโดยเฉลี่ยผู้ใหญ่จะใช้สารเคมีกับร่างกายอย่างน้อย 7 ชนิดได้แก่ น้ำหอม moisturizers, ครีมกันแสง, สบู่, ครีมนวดผมหรือแชมพูสระผม
ครีมดับกลิ่น, และเครื่องสำอาง ที่พบบ่อยที่สุดคือแพ้น้ำหอมผู้ที่แพ้น้ำหอมควรใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำหอม ตำแหน่งที่แพ้บ่อยที่สุดคือ หน้า ริมฝีปาก ตา หู การแพ้จากการสัมผัสมีสองชนิดคือ
Irritant dermatitis เกิดจากการระคายเช่นการใช้น้ำหอม สบู่ ผงซักฟอก ครีมดับกลิ่น เครื่องสำอาง พวกนี้จะเกิดผื่นหลังจากสัมผัสไม่นานเช่นภายใน 1-2 วันหลังสัมผัส
Allergic contact dermatitis การแพ้เกิดจากการสัมผัสมักจะเกิดหลังจากสัมผัสเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ลักษณะจะเป็นผื่นแดง บวม คัน และอาจจะมีถุงน้ำ เช่นการแพ้สายรองเท้า สายนาฬิกา
การรักษา
ต้องหลีกเลี่ยงสารที่ก่อภูมิแพ้อย่างน้อย 4 สัปดาห์เพื่อให้ภูมิลดลง และเพื่อให้ผื่นหาย การป้องกันผื่นแพ้จากการสัมผัสสามารถทำได้โดย
ให้ล้างเสื้อด้วยน้ำสะอาด 2 ครั้งหลังจากซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม
ให้เลือกซื้อเสื้อผ้าที่เป็นสีธรรมชาติ หลีกเลี่ยงผ้าที่อัดกลีบ อาจจะใช้ผ้าไหมและผ้า polyester
เสื้อผ้าใหม่ให้ซัก 5 ครั้งก่อนใส่
สบู่ แชมพูและครีมนวดผมไม่ควรมีน้ำหอม
หลีกเลี่ยงน้ำหอม โคโลน หลังโกนหนวด
ไม่ใช้น้ำยาทาเล็บหรือ hair spray
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นผื่นอักเสบที่มือ
ขณะที่ผิวหนังมีการอักเสบ ความแข็งแรง, ความสามารถในการเป็นเกราะกำบังร่างกายของชั้นผิวหนังจะเสียไป ทำให้เกิดอาการระคายเคือง, อักเสบและแพ้ได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผิวหนังกลับสู่สภาพปกติ จึงควรทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้
ถ้าทราบว่าแพ้สารใดสารหนึ่งโดยเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารนั้น
การล้างมือ
ไม่ควรล้างมือด้วยน้ำอุ่น, น้ำร้อน
ใช้สบู่เพียงเล็กน้อย
หลังการล้างมือควรใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้งโดยไม่ลืมซับบริเวณซอกนิ้ว มือให้แห้งด้วย
ไม่ควรล้างมือบ่อยเกินไปคือไม่ควรเกิน 2-3 ครั้งต่อวัน
เลือกใช้สบู่อ่อนที่ปลอดน้ำหอม หรือน้ำยาทำความสะอาดมือที่ปลอดสี,ยาฆ่าเชื้อ, ยาดับกลิ่น, วิตามิน
ไม่ใช้แอลกอฮอล์ หรือผงซักฟอก, น้ำยาทำความสะอาด ล้างมือ
ควรถอดแหวนออกขณะทำงานบ้าน, ล้างมือ เพราะอาจมีสบู่คั่งค้างอยู่บริเวณใต้แหวนทำให้ผื่นอักเสบที่มือกำเริบได้
ใช้ครีมทามือบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้มือแห้ง โดยเลือกครีมที่ปลอดน้ำหอม, ไม่มีส่วนประกอบของสารที่ท่านแพ้ผสมอยู่
พยายามเลี่ยงงานบ้าน, งานอดิเรกที่ต้องสัมผัสกับพวกสารตัวทำละลาย (solvent), กาว, ขี้ผึ้ง (wax), epoxy resin
ถุงมือ
เลือกใช้ถุงมือพลาสติก (vinyl) หรือถุงมือพีวีซี (PVC) จะดีกว่าถุงมือ ยางลาเท็กซ์ (ถุงมือแพทย์) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้ยางได้
ไม่ควรใส่ถุงมือนานกว่า 15-30 นาทีต่อครั้ง เพราะจะก่อให้เกิดความอับชื้น, ระคายได้
ถ้ามีเหงื่อออกมากให้ใส่ถุงมือผ้าขาวไว้ข้างในถุงมืออีก 1 ชั้นเพื่อดูดซับเหงื่อ
ถ้าทำงานแห้งๆที่มีฝุ่น, สกปรก เลือกใส่ถุงมือผ้าสีขาวเพื่อป้องกันไม่ให้มือสกปรก จะทำให้ไม่ต้องล้างมือบ่อย
หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของเหล่านี้ด้วยมือเปล่า
อาหาร : น้ำผลไม้, เปลือกผลไม้โดยเฉพาะตระกูลส้ม มะนาว ส้มโอ , เนื้อสัตว์, เนื้อปลา ,ผักโดยเฉพาะหัวหอมใหญ่,กระเทียม
น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก น้ำยาขัดเงา น้ำมันก๊าด ทินเนอร์
น้ำมันใส่ผม, โลชั่นใส่ผม, ยาย้อมผม ให้ใช้ไม้พันสำลี, แปรงทา
ยาสระผม ใส่ถุงมือสระ
งานบ้าน ให้ใช้แปรงด้ามยาวในการล้างจาน,ทำความสะอาดถ้าเป็นไปได้ ควรใช้เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน
คำแนะนำสำหรับผู้ที่แพ้รองเท้า
ถ้าสงสัยว่าผื่นที่เท้าเกิดจากการแพ้รองเท้า ควรเลือกใส่รองเท้าที่ทำให้แพ้ได้ น้อยที่สุดคือ รองเท้าที่ทำจากไม้หรือพลาสติก เช่น โพลีไวนิลคลอไรด์, โพลียูรีเทน
ถ้ามีอาการน้ำเหลืองแฉะ, เยิ้ม ควรประคบด้วยน้ำเกลือครั้งละ 10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง และทายา ตามที่แพทย์สั่ง
พยายามลดการเสียดสีจากรองเท้า เช่น ใช้สารทาช่วยหล่อลื่น, ใส่รองเท้าที่ไม่คับเกินไป สวมใส่ถุงเท้า,ถุงน่อง
ภาวะเหงื่อออกมากที่เท้าจะทำให้เกิดการแพ้รองเท้าได้มากขึ้น ควรใช้ยาทาช่วยลดเหงื่อ เช่น 20% Aluminium chloride, Drysol หรือแป้งโรยในถุงเท้า เช่น Zeasorb
ท่านที่แพ้ยาง : เลือกใส่รองเท้าที่ทำจากหนัง เช่น รองเท้าหนัง moccasin ที่ไม่มีแผ่นรองด้านใน, ส้นข้างนอก หรือใช้รองเท้าพลาสติก, ไม้
ท่านที่แพ้หนัง : ใช้รองเท้าทำจากพลาสติก, ผ้า, ไม้ ควรดึงแผ่นรองด้านในที่เป็นหนังออก
ท่านที่แพ้ PTBR-FR (กาวนีโอพรีน) :พยายามเลือกรองเท้าที่ไม่ใช้กาว เช่น เย็บด้วยมือ หรือใช้กาวยูรีเทนแทน
หลายคนสงสัยในอาการ “ผื่นแพ้” ค่ะว่าคืออะไร “อาการผื่นแพ้” หมายถึง อาการผื่นคันที่เกิดจากการสัมผัสถูกสิ่งกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย ซึ่งเป็นสารระคายเคืองหรือสารที่ทําให้เกิดการแพ้ได้ง่าย การเกิดผื่นอาจเป็นผลมาจากข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ค่ะ
- การระคายเคืองต่อผิวหนัง เนื่องจากถูกสารระคายเคือง ทําให้ผิวหนังอักเสบเช่น กรด ด่าง สบู่ ผงซักฟอก ยางไม้ เป็นต้น
- การแพ้ ผู้ป่วยต้องเคยสัมผัสถูกสาร มาครั้งหนึ่งก่อนแล้วร่างกายถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน (แอนตี้บอดี้) ขึ้นมาเมื่อสัมผัสซ้ำ ทําให้เกิดอาการแพ้ การสัมผัสครั้งแรกกับครั้งหลังอาจห่างกันเป็นวันๆ เป็นเดือน เป็นปีก็ได้ เช่น พวกโลหะนิเกิล, เงิน, ยาทาเฉพาะที่ เช่น ซัลฟา, ยาชา, เครื่องสําอาง เช่น น้ำหอม ลิปสติก, เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า ถุงมือ, สี, ปูนซีเมนต์, สารเคมีต่างๆ
สําหรับอาการ “ผื่นแพ้”
นั้น จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง หรือตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ มีอาการคันมากบริเวณที่สัมผัส ทําให้เห็นเป็นรอย เช่น รอยสายนาฬิกา สร้อยคอ ฯลฯ
บางรายอาจเป็นตุ่มน้ำใสเล็กๆ ซึ่งต่อกันจนเป็นตุ่มพองใหญ่ เมื่อแตกออกจะมีน้ำเหลืองไหลและมีสะเก็ดเล็กๆ เกรอะกรัง เมื่ออาการทุเลาผิวหนังอาจแห้งเป็นขุยหรือหนาตัวขึ้นชั่วคราว บางรายผิวหนังอาจคล้ำลงหรือเป็นรอยด่างชั่วคราวค่ะ
สําหรับวิธีการการรักษานั้น พอจะจําแนกได้ดังนี้ค่ะ
- หาสาเหตุที่แพ้แล้วหลีกเลี่ยงโดยสังเกตจาก
- ตําแหน่งที่เป็น เช่น ที่ศีรษะอาจแพ้ยาย้อมผม แชมพูสระผม หน้าอาจแพ้เครื่องสําอาง
- อาชีพและงานอดิเรก เช่น คนขับรถแพ้เบนซิน, น้ำมันเครื่อง, แม่บ้านแพ้ผงซักฟอก
รักษาผื่นแพ้โดย
- ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ แล้วเช็ดให้แห้ง
- ทาด้วยครีมสเตอรอยด์ ถ้าเป็นมากให้ทานยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนนิรามีน
- ถ้ามีหนอง หรือน้ำเหลือง ให้ทานยาปฏิชีวนะ
- ในรายที่รุนแรง ควรส่งโรงพยาบาล
โรคนี้ขึ้นอยู่กับการค้นหาสาเหตุของการแพ้ค่ะ ส่วนใหญ่มักจะซักประวัติ หรือการทดสอบทางผิวหนัง ถ้าหลีกเลี่ยง สิ่งที่แพ้ได้มักจะหายใน 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน