Custom Search

วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

5 วิธีชวนลูกฝึกสมองให้มี สติ/สุขภาพน่ารู้ ง่ายๆของคุณ


5 วิธีชวนลูกฝึกสมองให้มี สติ

ช่วงหยุดปิดเทอมของคุณลูก จะให้ลูกอยู่บ้านเฉยๆ ก็กระไรอยู่ วันนี้เลยขอนำเสนอ กิจกรรมดีๆ เพื่อใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังช่วยสร้างสมาธิของเจ้าหนูจอมซ่า จอมเฮี้ยวทั้งหลายอีกด้วยค่ะ

ชวนลูกเข้าวัด

ลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการพาลูกเดินเล่นที่ยวห้างฯ มาเป็นการเข้าวัด ชมบรรยากาศที่สงบ ร่มเย็น ทำกิจกรรมทางศาสนา เช่น ตักบาตร ทำบุญ หรือฟังธรรม ที่จะช่วยให้ลูกๆ ซึมซับเรื่องธรรมะ ขัดเกลาเรื่องของจิตใจ ให้เด็กๆ มีความสงบ ระลึกรู้อยู่เสมอในเรื่องผิด ชอบ ชั่ว ดี ด้วยการมีสติครองตัวอยู่ตลอดเวลา

ชวนลูกเย็บ ปัก ถัก ร้อย

ชวนลูกๆ มาสร้างงานฝีมือ เพราะว่างานประดิดประดอย จากงานปักงานร้อยนั้น นอกจากลูกจะได้ทำของใช้ที่เป็นประโยชน์ให้คุณแม่แล้ว เรื่องสมาธิก็เป็นผลพลอยได้ทางอ้อม ด้วยเหมือนกัน

นอกจากให้ลูกได้ทำของใช้แล้ว ก็อธิบายด้วยว่า ไม่ว่าลูกจะทำอะไรก็ตาม ลูกต้องมีสมาธิ ใช้ความตั้งใจ ใช้ความมุ่งมั่นอยู่กับการทำงานนั้นๆ เพราะเปรียบได้กับการที่ลูกค่อยๆ ปักไหมพรมลงช่องในแต่ละตาราง ค่อยๆ ร้อยลูกปัดแต่ละเม็ดนั่นเอง แต่ในทางกลับกันถ้าลูกขาดสมาธิหรือไม่ตั้งใจ ไม่พยายามที่จะทำให้เสร็จ ลูกก็มีโอกาสที่จะเจอเข็มร้อยแทงนิ้วได้ง่ายๆ

ชวนลูกต่อจิ๊กซอว์

เกมสร้างสรรค์น่าสนุกอย่างการต่อจิ๊กซอว์ ก็สามารถ ออกกำลังกายให้สมองได้พัฒนากระบวนการคิดอย่างเป็นขั้ นเป็นตอน ด้วยการจดจ่ออยู่กับการต่อภาพ พร้อมกับการสังเกต จับจุดที่สำคัญของภาพ

เกมนี้จะสนุก น่าสนใจมากขึ้นเมื่อคุณพ่อคุณแม่ให้ลูกเลือกภาพเอง และอย่าลืมคอยให้คำชมเพื่อเป็นกำลังใจและรางวัลที่ดี ให้ลูก เมื่อลูกต่อภาพเสร็จ

ชวนลูกอ่าน

การอ่านก็เป็นการฝึกสมาธิที่ได้ผลอย่างหนึ่ง เพราะการรวบรวมความสนใจให้เพ่งไปที่สิ่งใดสิ่งหนึ่ง คุณพ่อคุณแม่ชวนลูกๆ หาหนังสือเล่มโปรดที่ลูกสนใจ เนื้อหาภายในเล่มให้เหมาะสมกับวัย เป็นประโยชน์เพิ่มพูนความรู้รอบตัวก็ได้ เพราะว่าการอ่านไม่เคยทำร้ายใคร มีแต่ประโยชน์นานัปการค่ะ

ชวนลูกเล่นดนตรี

นอกจากดนตรีจะช่วยผ่อนคลาย สร้างความสุนทรีทางด้านอารมณ์ของเด็กแล้ว คลื่นเสียงจากการเล่นดนตรีต่างๆ ช่วยทำให้คลื่นสมองมีการพัฒนาไปในทางที่ดี เซลล์ประสาททำงานดีขึ้น ที่สำคัญดนตรีช่วยสร้างสมาธิทำให้เกิดการเรียนรู้ได้ ดี รู้แบบนี้แล้วชวนลูกมาร้อง รำ ทำเพลง เล่นดนตรีกันเถอะค่ะ




ผิวสวยด้วยน้ำ/สุขภาพน่ารู้ ง่ายๆของคุณ



ผิวสวยด้วยน้ำ

ดื่มน้ำเฉพาะตอนที่คอแห้ง เพื่อดับกระหาย หรือดื่มระหว่างทานอาหารเท่านั้น คงยังไม่เพียงพอ!! ถ้าอยากผิวสวยและสุขภาพดี แบบไม่ต้องลงทุนซื้อครีมบำรุงกระปุกละเป็นหมื่น ลองปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการดื่มน้ำกันใหม่ ด้วย 7 เทคนิคการดื่มน้ำสไตล์เอเวียงจากฝรั่งเศส

1) เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการดื่มน้ำ ลองดื่มน้ำแร่ธรรมชาติให้ได้วันละ 2 ลิตร ติดต่อกันเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้ร่างกายได้รับน้ำบริสุทธิ์ในปริมาณที่ต้องการ และคุณจะสังเกตเห็นความแตกต่าง น้ำไม่เพียงจะช่วยให้ผิวพรรณสดใสเปล่งปลั่ง แต่ยังควบคุมอุณหภูมิในร่างกายให้เหมาะสม, ช่วยย่อยและดูดซึมอาหาร รวมทั้งขับของเสียไปตามกระแสเลือด

2) วางน้ำดื่มไว้ข้างเตียงก่อนเข้านอน ถ้าตื่นขึ้นมากลางดึก จะได้เทน้ำดื่มสักแก้ว เพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ร่างกาย และช่วยให้สามารถนอนหลับต่อได้อย่างง่ายดาย

3) พกพาน้ำดื่มติดตัวไปทุกที่ ทั้งในรถ, ระหว่างการเดินทาง, เวลานั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือตอนดู ทีวี การดื่มน้ำให้ติดเป็นนิสัยจะทำให้สุขภาพดี

4) ดื่มน้ำจากขวดให้ได้บ่อยที่สุด เป็นวิธีที่ดีในการเพิ่มปริมาณการดื่มน้ำของคุณ เพราะทำให้ดื่มง่ายและสะดวกต่อการพกพา

5) ดื่มน้ำให้สม่ำเสมอเมื่อเล่นกีฬา โดยดื่มน้ำก่อนและระหว่างการออกกำลังกาย นอกจากนี้ ยังควรดื่มน้ำหลังจากเล่นกีฬาในปริมาณที่มากพอ เพื่อชดเชยการเสียเหงื่อของร่างกาย

6) ไดเอตด้วยน้ำ ดื่มน้ำ 1 แก้ว ก่อนรับประทานอาหารกลางวัน จะช่วยลดอาการหิว และควบคุมปริมาณการทานอาหาร

7) ดื่มน้ำหลังอาหารกลางวัน ช่วยให้สามารถหลีกเลี่ยงการดื่มเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงประเภทอื่นๆได้.




ผื่นแพ้จากการสัมผัส (Contact Dermatitis)






ผื่นแพ้จากการสัมผัส (Contact Dermatitis)

หมายถึง อาการผื่นคันที่เกิดจากการสัมผัสถูกสิ่งกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย ซึ่งเป็นสารระคายเคืองหรือสารที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ง่าย เกิดผื่นอาจเป็นผลมาจากข้อใดข้อหนึ่งดังนี้

การระรายเคืองต่อผิวหนัง เนื่องจากถูกสารระคายเคืองทำให้ผิวหนังอักเสบ เช่น กรด ด่าง สบู่ ผงซักฟอก ยางไม้ เป็นต้น

การแพ้ ผู้ป่วยต้องเคยสัมผัสถูกสารมาแล้วครั้งหนึ่งก่อนแล้วร่างกายถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน (แอนติบอดี) ขึ้นมาเมื่อสัมผัสซ้ำ ทำให้เกิดอาการแพ้ การสัมผัสครั้งแรกกับครั้งหลังอาจห่างกันเป็นวัน ๆ เป็นเดือน เป็นปีก็ได้ เช่น พวกโลหะนิเกิล เงิน ยาทาเฉพาะที่ เช่น ซัลฟา ยาชา เครื่องสำอาง เช่น น้ำหอม ลิปสติก เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า ถุงมือ สี ปูนซีเมนต์ สารเคมีต่าง ๆ

อาการ

จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง หรือตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ มีอาการคันบริเวณที่สัมผัส ทำให้เห็นเป็นรอย เช่น รอยสายนาฬิกา สร้อยคอ ฯลฯ บางรายอาจเป็นตุ่มน้ำใสเล็ก ๆ ซึ่งต่อกันเป็นตุ่มพองใหญ่ เมื่อแตกออกจะมีน้ำเหลืองไหล และมีสะเก็ดเล็ก ๆ เกรอะกรัง เมื่ออาการทุเลาผิวหนังอาจแห้งเป็นขุย หรือหนาตัวขึ้นชั่วคราว บางรายผิวหนังอาจคล้ำลงหรือเป็นรอยด่างขาวชั่วคราว
อาการแทรกซ้อน
อาจเกาจนมีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน เช่น เป็นตุ่มหนอง แผลพุพอง หรือน้ำเหลืองไหล

การรักษา

หาสาเหตุที่แพ้แล้วหลีกเลี่ยงโดยสังเกตจาก

ตำแหน่งที่เป็น เช่น ที่ศีรษะอาจแพ้ยาย้อมผมแชมพูสระผม ที่ใบหูอาจแพ้ตุ้มหู หน้าอาจแพ้เครื่องสำอาง

อาชีพและงานอดิเรก เช่น คนขับรถแพ้เบนซิน น้ำมันเครื่อง แม่บ้านแพ้ผงซักฟอง

รักษาผื่นแพ้โดย

ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ แล้วเช็ดให้แห้ง

ทาด้วยครีมสเตรอยด์ ถ้าเป็นมากให้ทายาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนนิรามีน

ถ้ามีหนอง หรือน้ำเกลือ ให้ทานยาปฏิชีวนะ

ในรายที่รุนแรง ควรส่งโรงพยาบาล

ข้อแนะนำ

โรคนี้ขึ้นอยู่กับการค้นหาสาเหตุของการแพ้ ส่วนใหญ่มักจะซักประวัติ หรือการทดสอบทางผิวหนัง ถ้าหลีกเลี่ยงสิ่งที่แพ้ได้มากจะหายใน 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน

โรคผื่นแพ้จากการสัมผัส Contact dermatitis

การแพ้ชนิดนี้เป็นแบบ T-cell mediated reactionโดยเฉลี่ยผู้ใหญ่จะใช้สารเคมีกับร่างกายอย่างน้อย 7 ชนิดได้แก่ น้ำหอม moisturizers, ครีมกันแสง, สบู่, ครีมนวดผมหรือแชมพูสระผม
ครีมดับกลิ่น, และเครื่องสำอาง ที่พบบ่อยที่สุดคือแพ้น้ำหอมผู้ที่แพ้น้ำหอมควรใช้เครื่องสำอางที่ไม่มีน้ำหอม ตำแหน่งที่แพ้บ่อยที่สุดคือ หน้า ริมฝีปาก ตา หู การแพ้จากการสัมผัสมีสองชนิดคือ

Irritant dermatitis เกิดจากการระคายเช่นการใช้น้ำหอม สบู่ ผงซักฟอก ครีมดับกลิ่น เครื่องสำอาง พวกนี้จะเกิดผื่นหลังจากสัมผัสไม่นานเช่นภายใน 1-2 วันหลังสัมผัส

Allergic contact dermatitis การแพ้เกิดจากการสัมผัสมักจะเกิดหลังจากสัมผัสเป็นระยะเวลามากกว่า 1 สัปดาห์ลักษณะจะเป็นผื่นแดง บวม คัน และอาจจะมีถุงน้ำ เช่นการแพ้สายรองเท้า สายนาฬิกา

การรักษา

ต้องหลีกเลี่ยงสารที่ก่อภูมิแพ้อย่างน้อย 4 สัปดาห์เพื่อให้ภูมิลดลง และเพื่อให้ผื่นหาย การป้องกันผื่นแพ้จากการสัมผัสสามารถทำได้โดย

ให้ล้างเสื้อด้วยน้ำสะอาด 2 ครั้งหลังจากซักด้วยผงซักฟอกหรือน้ำยาปรับผ้านุ่ม

ให้เลือกซื้อเสื้อผ้าที่เป็นสีธรรมชาติ หลีกเลี่ยงผ้าที่อัดกลีบ อาจจะใช้ผ้าไหมและผ้า polyester

เสื้อผ้าใหม่ให้ซัก 5 ครั้งก่อนใส่

สบู่ แชมพูและครีมนวดผมไม่ควรมีน้ำหอม

หลีกเลี่ยงน้ำหอม โคโลน หลังโกนหนวด

ไม่ใช้น้ำยาทาเล็บหรือ hair spray

คำแนะนำสำหรับผู้ที่เป็นผื่นอักเสบที่มือ
ขณะที่ผิวหนังมีการอักเสบ ความแข็งแรง, ความสามารถในการเป็นเกราะกำบังร่างกายของชั้นผิวหนังจะเสียไป ทำให้เกิดอาการระคายเคือง, อักเสบและแพ้ได้ง่ายกว่าปกติ ดังนั้นเพื่อช่วยให้ผิวหนังกลับสู่สภาพปกติ จึงควรทำตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

ถ้าทราบว่าแพ้สารใดสารหนึ่งโดยเฉพาะ ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารนั้น
การล้างมือ

ไม่ควรล้างมือด้วยน้ำอุ่น, น้ำร้อน

ใช้สบู่เพียงเล็กน้อย

หลังการล้างมือควรใช้ผ้าสะอาดซับให้แห้งโดยไม่ลืมซับบริเวณซอกนิ้ว มือให้แห้งด้วย

ไม่ควรล้างมือบ่อยเกินไปคือไม่ควรเกิน 2-3 ครั้งต่อวัน

เลือกใช้สบู่อ่อนที่ปลอดน้ำหอม หรือน้ำยาทำความสะอาดมือที่ปลอดสี,ยาฆ่าเชื้อ, ยาดับกลิ่น, วิตามิน

ไม่ใช้แอลกอฮอล์ หรือผงซักฟอก, น้ำยาทำความสะอาด ล้างมือ

ควรถอดแหวนออกขณะทำงานบ้าน, ล้างมือ เพราะอาจมีสบู่คั่งค้างอยู่บริเวณใต้แหวนทำให้ผื่นอักเสบที่มือกำเริบได้

ใช้ครีมทามือบ่อย ๆ เพื่อไม่ให้มือแห้ง โดยเลือกครีมที่ปลอดน้ำหอม, ไม่มีส่วนประกอบของสารที่ท่านแพ้ผสมอยู่

พยายามเลี่ยงงานบ้าน, งานอดิเรกที่ต้องสัมผัสกับพวกสารตัวทำละลาย (solvent), กาว, ขี้ผึ้ง (wax), epoxy resin

ถุงมือ

เลือกใช้ถุงมือพลาสติก (vinyl) หรือถุงมือพีวีซี (PVC) จะดีกว่าถุงมือ ยางลาเท็กซ์ (ถุงมือแพทย์) ซึ่งอาจก่อให้เกิดการแพ้ยางได้

ไม่ควรใส่ถุงมือนานกว่า 15-30 นาทีต่อครั้ง เพราะจะก่อให้เกิดความอับชื้น, ระคายได้

ถ้ามีเหงื่อออกมากให้ใส่ถุงมือผ้าขาวไว้ข้างในถุงมืออีก 1 ชั้นเพื่อดูดซับเหงื่อ
ถ้าทำงานแห้งๆที่มีฝุ่น, สกปรก เลือกใส่ถุงมือผ้าสีขาวเพื่อป้องกันไม่ให้มือสกปรก จะทำให้ไม่ต้องล้างมือบ่อย

หลีกเลี่ยงการสัมผัสสิ่งของเหล่านี้ด้วยมือเปล่า

อาหาร : น้ำผลไม้, เปลือกผลไม้โดยเฉพาะตระกูลส้ม มะนาว ส้มโอ , เนื้อสัตว์, เนื้อปลา ,ผักโดยเฉพาะหัวหอมใหญ่,กระเทียม

น้ำยาทำความสะอาด ผงซักฟอก น้ำยาขัดเงา น้ำมันก๊าด ทินเนอร์

น้ำมันใส่ผม, โลชั่นใส่ผม, ยาย้อมผม ให้ใช้ไม้พันสำลี, แปรงทา
ยาสระผม ใส่ถุงมือสระ

งานบ้าน ให้ใช้แปรงด้ามยาวในการล้างจาน,ทำความสะอาดถ้าเป็นไปได้ ควรใช้เครื่องซักผ้า, เครื่องล้างจาน

คำแนะนำสำหรับผู้ที่แพ้รองเท้า

ถ้าสงสัยว่าผื่นที่เท้าเกิดจากการแพ้รองเท้า ควรเลือกใส่รองเท้าที่ทำให้แพ้ได้ น้อยที่สุดคือ รองเท้าที่ทำจากไม้หรือพลาสติก เช่น โพลีไวนิลคลอไรด์, โพลียูรีเทน

ถ้ามีอาการน้ำเหลืองแฉะ, เยิ้ม ควรประคบด้วยน้ำเกลือครั้งละ 10-15 นาที วันละ 3-4 ครั้ง และทายา ตามที่แพทย์สั่ง

พยายามลดการเสียดสีจากรองเท้า เช่น ใช้สารทาช่วยหล่อลื่น, ใส่รองเท้าที่ไม่คับเกินไป สวมใส่ถุงเท้า,ถุงน่อง

ภาวะเหงื่อออกมากที่เท้าจะทำให้เกิดการแพ้รองเท้าได้มากขึ้น ควรใช้ยาทาช่วยลดเหงื่อ เช่น 20% Aluminium chloride, Drysol หรือแป้งโรยในถุงเท้า เช่น Zeasorb

ท่านที่แพ้ยาง : เลือกใส่รองเท้าที่ทำจากหนัง เช่น รองเท้าหนัง moccasin ที่ไม่มีแผ่นรองด้านใน, ส้นข้างนอก หรือใช้รองเท้าพลาสติก, ไม้

ท่านที่แพ้หนัง : ใช้รองเท้าทำจากพลาสติก, ผ้า, ไม้ ควรดึงแผ่นรองด้านในที่เป็นหนังออก

ท่านที่แพ้ PTBR-FR (กาวนีโอพรีน) :พยายามเลือกรองเท้าที่ไม่ใช้กาว เช่น เย็บด้วยมือ หรือใช้กาวยูรีเทนแทน

หลายคนสงสัยในอาการผื่นแพ้ค่ะว่าคืออะไรอาการผื่นแพ้หมายถึง อาการผื่นคันที่เกิดจากการสัมผัสถูกสิ่งกระตุ้นจากภายนอกร่างกาย ซึ่งเป็นสารระคายเคืองหรือสารที่ทําให้เกิดการแพ้ได้ง่าย การเกิดผื่นอาจเป็นผลมาจากข้อใดข้อหนึ่งดังนี้ค่ะ

- การระคายเคืองต่อผิวหนัง เนื่องจากถูกสารระคายเคือง ทําให้ผิวหนังอักเสบเช่น กรด ด่าง สบู่ ผงซักฟอก ยางไม้ เป็นต้น

- การแพ้ ผู้ป่วยต้องเคยสัมผัสถูกสาร มาครั้งหนึ่งก่อนแล้วร่างกายถูกกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกัน (แอนตี้บอดี้) ขึ้นมาเมื่อสัมผัสซ้ำ ทําให้เกิดอาการแพ้ การสัมผัสครั้งแรกกับครั้งหลังอาจห่างกันเป็นวันๆ เป็นเดือน เป็นปีก็ได้ เช่น พวกโลหะนิเกิล, เงิน, ยาทาเฉพาะที่ เช่น ซัลฟา, ยาชา, เครื่องสําอาง เช่น น้ำหอม ลิปสติก, เครื่องแต่งกาย เสื้อผ้า ถุงมือ, สี, ปูนซีเมนต์, สารเคมีต่างๆ

สําหรับอาการ ผื่นแพ้

นั้น จะมีลักษณะเป็นผื่นแดง หรือตุ่มน้ำใสๆ เล็กๆ มีอาการคันมากบริเวณที่สัมผัส ทําให้เห็นเป็นรอย เช่น รอยสายนาฬิกา สร้อยคอ ฯลฯ

บางรายอาจเป็นตุ่มน้ำใสเล็กๆ ซึ่งต่อกันจนเป็นตุ่มพองใหญ่ เมื่อแตกออกจะมีน้ำเหลืองไหลและมีสะเก็ดเล็กๆ เกรอะกรัง เมื่ออาการทุเลาผิวหนังอาจแห้งเป็นขุยหรือหนาตัวขึ้นชั่วคราว บางรายผิวหนังอาจคล้ำลงหรือเป็นรอยด่างชั่วคราวค่ะ

สําหรับวิธีการการรักษานั้น พอจะจําแนกได้ดังนี้ค่ะ

- หาสาเหตุที่แพ้แล้วหลีกเลี่ยงโดยสังเกตจาก

- ตําแหน่งที่เป็น เช่น ที่ศีรษะอาจแพ้ยาย้อมผม แชมพูสระผม หน้าอาจแพ้เครื่องสําอาง

- อาชีพและงานอดิเรก เช่น คนขับรถแพ้เบนซิน, น้ำมันเครื่อง, แม่บ้านแพ้ผงซักฟอก

รักษาผื่นแพ้โดย

- ล้างแผลด้วยน้ำเกลือ แล้วเช็ดให้แห้ง

- ทาด้วยครีมสเตอรอยด์ ถ้าเป็นมากให้ทานยาแก้แพ้ เช่น คลอร์เฟนนิรามีน

- ถ้ามีหนอง หรือน้ำเหลือง ให้ทานยาปฏิชีวนะ

- ในรายที่รุนแรง ควรส่งโรงพยาบาล

โรคนี้ขึ้นอยู่กับการค้นหาสาเหตุของการแพ้ค่ะ ส่วนใหญ่มักจะซักประวัติ หรือการทดสอบทางผิวหนัง ถ้าหลีกเลี่ยง สิ่งที่แพ้ได้มักจะหายใน 2-3 สัปดาห์ หรือ 2-3 เดือน


















วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

เมนูต้องห้ามขณะท้องว่าง/สุขภาพน่ารู้ ง่ายๆของคุณ















เมนูต้องห้ามขณะท้องว่าง

คุณคงเป็นอีกคนที่ในช่วงหนึ่งอาจใช้เวลา เพลิดเพลินไปกับการทำงานจนลืมรับประทานอาหาร หรือกำลังควบคุมอาหารเพื่อลดน้ำหนัก เมื่อเหตุผลข้างต้น ทำให้การรับประทานอาหารของคุณไม่ตรงเวลา จนกระทั่งส่งผลให้เกิดอาการท้องว่างนั้น คุณทราบไหมว่าเมื่อท้องของคุณว่างแล้ว คุณรับประทานอาหารเข้าไป อาจส่งผลร้ายต่อสุขภาพของคุณได้ เพราะฉะนั้นก่อนที่จะรับประทาน ควรเลือกชนิดของอาหารเสียก่อนนะครับ ไปดูกันว่าอาหารที่ไม่ควรรับประทานขณะท้องว่างมีชนิดใดบ้าง


นม และ นมถั่วเหลือง
แม้ว่านมถั่วเหลืองจะอุดมไปด้วยโปรตีน แต่จะเกิดประสิทธิภาพมากที่สุด เมื่อกระเพาะอาหารมีสารประเภทแป้งอยู่


เหล้า
หากดื่มเหล้าในขณะท้องว่าง จะไปกระตุ้นกระเพาะอาหาร ทำให้เป็นโรคกระเพาะ อาหารอักเสบ และเป็นแผลในกระเพาะอาหารได้


น้ำตาล หรือ อาหารหวาน
ไม่ควรรับประทานอาหารหวานหรือน้ำตาล เช่น น้ำอัดลม ลูกอม ช๊อกโกแลต เพราะ หากรับประทานขณะท้องว่าง จะทำให้โปรตีนรวมตัวกับน้ำตาล ส่งผลต่อการดูดซึมโปรตีนทุกชนิด และลดสมรรถภาพการทำงานของระบบหมุนเวียนเลือดและไต


ชาที่แก่เกินไป
ชาทำให้กรดเกลือในน้ำย่อยในกระเพาะอาหารเจือจาง ส่งผลให้การทำงานของระบบย่อยอาหารลดลง และเกิดอาการใจสั่น เวียนศีรษะ มือเท้าไม่มีแรง จิตใจไม่สงบ


ลูกพลับ
ไม่ควรรับประทานลูกพลับในขณะที่ท้องว่าง เพราะกระเพาะอาหารจะหลั่งกรดเกลือออกมามาก หากไปรวมตัวกับยาง และสารแขวนลอยในลูกพลับแล้ว จะทำให้เจ็บหน้าอก คลื่นไส้ และเป็นแผลในกระเพาะอาหาร


กล้วย
เพราะกล้วยอุดมไปด้วยธาตุแมกนีเซียม การรับประทานกล้วยขณะที่ท้องว่าง จะทำให้ปริมาณธาตุแมกนีเซียมในเลือดสูงขึ้น ทำให้ สูญเสีย ส่วนของแคลเซียมและแมกนีเซียมไป เป็นการยับยั้งการทำงานของหลอดเลือด หัวใจ เป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างยิ่ง


กระเทียม
เพราะจะทำให้เยื่อบุกระเพาะอาหารได้รับการกระตุ้นให้เกิดโรคกระเพาะอาหารอักเสบอย่างรุนแรง


ผัก
การรับประทานผักอย่างเดียวในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้กระเพาะอาหารเกิดอาการผิดปกติ


นอกจากนั้น ยังไม่ควรอาบน้ำและออกกำลังกายด้วยเช่นกัน เพราะการอาบน้ำและการออกกำลังกายภายในขณะที่ท้องว่าง จะทำให้เกิดอาการช็อก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดต่ำได้ง่าย





วิธีแก้หน้าท้องลาย/สุขภาพน่ารู้ ง่ายๆของคุณ


วิธีแก้หน้าท้องลาย

ใครที่พบกับปัญหาหน้าท้องลายบ้าง วันนี้มีเกร็ดความรู้วิธีแก้มาฝากกัน

สาเหตุเกิดจาก

การยืดของผิวหนังอย่างต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ มีทั้งที่พบได้ในภาวะปกติ และในคนที่เป็นโรค เช่น หญิงตั้งครรภ์, หญิงให้นมบุตร, คนที่อ้วนขึ้นอย่างรวดเร็ว, ในวัยรุ่น (อยู่ในช่วงอายุ 9-13 ปี) ที่มีการเปลี่ยนแปลงของการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็ว คนที่เป็นโรค Cushing's และ Marfan syndromes ผู้ป่วยเบาหวานและการใช้ยาทา หรือรับประทานที่มีส่วนประกอบของสเตีรอยด์นานเกินไป

วิธีรักษา

ถ้าเป็นหญิงตั้งครรภ์หลังคลอดบุตรแล้วอาการก็จะค่อย ๆ ดีขึ้น แต่อาจป้องกันด้วยการทาโลชั่นบำรุงผิวเป็นประจำ ตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ โอกาสเกิดก็จะน้อยลง ส่วนในคนที่อ้วน ถ้าลดน้ำหนักลงมารอยแตกลายงาก็จะน้อยลง ที่สำคัญอย่าใช้ยาสเตียรอยด์ติดต่อกันนานจนเกินไป และต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์

สินค้ารวม