Custom Search

วันศุกร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2552

ลมพิษ สาเหตุของอาการ



ลมพิษ
ขึ้นชื่อว่า “ลมพิษ” ทุกคนก็มักจะรู้จักกันดี เพราะเป็นโรคที่พบได้เสมอและผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ก็เคยเป็นลมพิษมาบ้างแล้ว มีคนเคยกล่าวว่าทุกคนที่เกิดมามักจะต้องเป็นลมพิษในช่วงชีวิตหนึ่ง ลมพิษนี้ก็เป็นปฏิกิริยาของเส้นเลือดในผิวหนังนั่นเองที่เกิดจากหลายสาเหตุ ทำให้มีลักษณะเฉพาะคือ มีผื่นแดง นูน ขอบชัดเจน ขอบอาจจะหยักนูนและมีอาการคันมาก บางคนขึ้นแต่เพียงบางแห่งของร่างกาย แต่ส่วนใหญ่มักขึ้นทั้งตัว บางคนเป็นช่วงระยะสั้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหรือเพียงเป็นวัน แต่บางคนลมพิษก็อาจจะขึ้นทุกวันเวลานานเป็นปี ๆ ก็ได้ซึ่งเรียกว่า “ลมพิษชนิดเรื้อรัง” ลมพิษมิได้จะเกิดแต่ในผู้ใหญ่เท่านั้น แม้แต่เด็กเล็ก ๆ ก็อาจเกิดลมพิเษได้เช่นเดียวกัน

สาเหตุของลมพิษมีมากมาย อาจเกิดจากการแพ้สารบางชนิดจากการรับประทาน จากการสัมผัส จากการสูดหรือจากการถูกฉีดเข้าไปก็ได้ ลมพิษบางชนิดก็ไม่ได้เกิดจากการแพ้แต่อาจเกิดร่วมกับโรคบางชนิดได้ เป็นต้น สาเหตุที่สำคัญของลมพิษแบ่งได้คือ


ผักและผลไม้
บางอย่างมีสารประเภท Salicylate ซึ่งเป็นตัวก่อให้เกิดลมพิษได้ เช่น พบในแอปเปิ้ล แตงกวา มันฝรั่ง มะเขือเทศ มะนาว พริกไทย ส้มโอ องุ่น เป็นต้น นอกจากนั้นอาหารและเครื่องเดื่มที่มียีสต์ เช่น ขนมปัง เหล้า เบียร์ ก็เป็นสาเหตุที่สำคัญ จะเห็นว่ามีอาหารมากมายหลายชนิดที่อาจก่อให้เกิดลมพิษได้ จึงควรให้ข้อสังเกตในการหาสาเหตุในอาหารดังกล่าวด้วย ส่วนอาหารที่ควรงดได้แก่ อาหารทะเล เนื้อวัว ไข่ขาว ของหมักดอง เช่น กะปิ ปลาร้า ตั้งฉ่าย แหนม เหล้า เบียร์ ฯลฯ นมสด, อาหารกระป๋อง ขนม และ อาหารที่ใส่สี เช่น ขนมชั้น ขนมปัง ไข่ขาว ฯลฯ

ยา
เป็นสาเหตุทีสำคัญอีกชนิดหนึ่งของลมพิษ ลมพิษอาจเกิดทันทีทันใด ภายหลังได้รับยาชนิดนั้น เช่น การฉีด หรือรับประทานซึ่งจะสังเกตได้ง่าย แต่บางรายอาจกินเวลานาน 7-10 วัน ซึ่งอาจทำให้สังเกตได้ยากยาที่สำคัญได้แต่ ยาประเภทปฏิชีวนะ โดยเฉพาะพวกเพนิซิลิน ซัลฟา นอกจากนั้นยาแก้ปวด ยานอนหลับสารทึบแสงที่ใช้ในการตรวจทางเอ็กซเรีย์ หรือแม้กระทั่งวิตามิน ก็อาจก่อให้เกิดลมพิษได้


แมลง
อาจก่อให้เกิดลมพิษได้ทั้งจากการสัมผัส การกัด เช่น ไรแมว ไรสุนัข ไรนก ริ้น ตัวผึ้ง บุ้ง หรือจากการต่อย เช่น ผึ้ง ต่อ หมาร่า มดแดงไฟ มดตะนอย ซึ่งบางครั้งอาการรุนแรงมาก มีลมพิษ มีการบวมทั้งตัวหรือผู้ป่วยช็อคบางรายอาจเสียชีวิตในเวลาอันสั้นภายหลังถูกต่อย
สารในอาการ ผู้ป่วยบางรายแพ้สารในบรรากาศอาจก่อให้เกิดลมพิษได้ เช่น ฝุ่นบ้าน เชื้อราในอาการ เกสรหญ้า เกสรต้นไม้ ขนสัตว์ เมื่อสุดดมสารเหล่านี้เข้าไปมาก ๆ อาจก่อให้เกิดลมพิษได้


โรคติดเชื้อ
สามารถก่อให้เกิดลมพิษได้เช่นกันโดยเฉพาะในวัยเด็ก พบพยาธิในลำไส้เป็นสาเหตุได้บ่อย เช่น พยาธิไส้เดือน พยาธิตัวแบน เชื้อบิด นอกจากนี้การติดเชื้อใน่วนอื่นของร่างกาย เช่น เชื้อราในช่องคลอดสตรีพบเป็นสาเหตุลมพิษในวัยผูใหญ่ได้เสมอ ฟันผุก็เป็นสาเหตุลมพิษได้ การรักษาหรือถอนฟันผุออกทำให้อาการลมพิษหายไปในผู้ป่วยบางราย



ความเย็น
ผู้ป่วยบางรายแพ้ความเย็นจัดทำให้เกิดลมพิษ เช่น เวลาถูกอากาศเย็น อาบน้ำเย็นผู้ป่วยบางรายรับประทานน้ำแข็งเกิดอาการบวมในบริเวณคอ หายใจลำบากพวกนี้อาจเกิดเป็นกรรมพันธุ์ หรือเกิดเองโดยไม่มีสาเหตุก็ได้ หรือเกิดเป็นผลจากมีโรคในร่างกายได้ เช่น ซิฟิลิส หรือมะเร็งในน้ำเหลือง

แสงแดด
ผู้ป่วยบางรายเกิดลมพิษเมื่อถูกแสงแดดบางช่วงของวัน ซึ่งมีความยาวของคลื่นแสงเฉพาะ พบในหญิงมากกว่าชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอายุ 30-40 ปี เมื่อถูกแสงแดดแล้วเกิดผื่นคันขึ้นมา อาจแก้ได้โดยการหลีกเลี่ยงไม่พบแสงแดด หรือใช้ยาทากันแดด

ลมพิษภายหลังการออกกำลังกายหรือมีเหงื่อ
คนบางคนเกิดลมพิษชนิดนี้มักเป็นเม็ดเล็ก ๆ เกิดบริเวณแขนขามากว่าลำตัว

สาเหตุทางจิตใจ
ผู้ป่วยบางรายเกิดลมิพษภายหลังมีอารมณ์ผิดปกติ ภายหลังมีความโกรธ ความเครียด ความกังวล มักเป็นชมพิษชนิดเรื้อรัง

อาหาร
การแพ้อาหารเป็นสิ่งที่พบได้บ่อยที่สุด อาหารที่เป็นสาเหตุมักเป็นอาหารพวกโปรตีน โดยเฉพาะอาหารทะเล เช่น กุ้ง ปู ปลา หอย นอกจากนั้น ไข่ ถั่ว นม หรือแม้แต่ผลไม้ก็อาจก่อให้เกิดลมพิษได้ ผู้ป่วยบางรายอาจสังเกตพบสาเหตุได้ง่าย เช่นในการรับประทานกุ้งแล้วเกิดลมพิษ แต่ในบางครั้งผู้ป่วยไม่ได้สังเกตถึงรายละเอียดของอาหารเป็นต้น หรือในเด็กที่แพ้นมแล้วเกิดลมพิษ อาจเกิดอาการเมื่อเด็กรับประทานไอครีม หรือขนมเป็นต้น
นอกจากอาหารต่าง ๆ ดังกล่าวแล้ว สารปรุงแต่งอาหาร หรือขนม เช่น สีต่าง ๆ โดยเฉพาะสีเหลืองหรือสีเขียวมักใช้สีประเภท “Taartrazine” ซึ่งพบได้ในพวกสลิ่ม ขนมด้วง ข้าวพอง ฟักเชื่อม ชาจีน ขนมชั้น ถั่วกวน วุ้นหวานกรอบ ครองแครง อมยิ้ม ฝอยทองกรอบ สารที่เป็นสีตัวนี้คนแพ้ได้ง่าย และอาจเป็นสาเหตุของลมพิษได้ จึงควรให้ความสนใจ และสังเกตให้ละเอียด



สาเหตุจากแรงขูดบนผิวหนัง
ผู้ป่วยบางรายมีผิวหนังไวต่อรอยขูดข่วนบนผิวหนังทำให้เกิดรอยนูน คันตามบริเวณที่ถูกรอยข่วนขูดภายในระยะเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้คันและเกา ยิ่งเกาก็ยิ่งมีรอย และคันมากขึ้น

สาเหตุจากโรคอื่น ๆ
โรคบางอย่างทำให้ผู้ป่วยเกิดลมพิษร่วมได้ เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง เป็นต้น จะเห็นได้ว่าลมพิษมีสาเหตุมากมาย ตั้งแต่ไม่รุนแรง เช่น การแพ้อาหาร ไปจนถึงอาจเป็นอาการร่วมของโรคร้ายแรงบางอย่าง โดยทั่วไปลมพิษจะไม่รุนแรง และอาจหายได้เองเมื่อสารที่ก่อให้แพ้นั้นได้ถูกกำจัดออกจากร่างกายแล้ว และอาจไม่ต้องได้รับการรักษาเป็นพิเศษ แต่อย่างใด แต่ถ้าผู้ป่วยมีอาการเรื้อรังก็น่าจะได้รับการตรวจโดยละเอียดในการหาสาเหตุและการรักษาที่เหมาะสมต่อไปแพทย์จะต้องซักประวัติโดยละเอียด การตรวจร่างกาย การตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด ปัสสาวะ อุจจาระ หรือตรวจสารเคมีในเลือด บางรายอาจต้องทำการทดสอบผิวหนังด้วย การรักษานั้นหากเกิดจากการแพ้สารบางสิ่งบางอย่าง การใช้ยาแก้แพ้ มักรักษาให้หายได้ง่าย ยาทา เช่น คาลาไมน์โลชั่น จะช่วยลดอาการคันลงได้ แต่หากเป็นเรื้อรังควรได้รับการตรวจจากแพทย์ให้ละเอียดต่อไป

วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2552

โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ ระวัง



โอเมก้า 3 ใน ปลา ก็มีโทษ

เกี่ยวกับเรื่องนี้ รศ.พญ.ปรียานุช แย้มวงศ์ ภาควิชาอายุรศาสตร์ บอกว่า น้ำมันปลาเริ่มเป็นที่สนใจมาประมาณ 30 ปี เมื่อมีข้อมูลว่าชาวเอสกิโม ที่บริโภคปลาในปริมาณสูง จะมีปัญหาเส้นเลือดอุดตันน้อย ระดับไขมันในเลือดต่ำ และการเกาะตัวของเกล็ดเลือดน้อยกว่าชาวเดนมาร์กซึ่งกิน เนื้อสัตว์มากกว่า นอกจากนี้ ยังพบว่าชาวญี่ปุ่นในหมู่บ้านชาวประมง ที่บริโภคปลาในปริมาณมาก จะมีโรคหลอดเลือดหัวใจ การเกาะตัวของเกล็ดเลือดและความหนืดของเลือดน้อยกว่าชาวญี่ปุ่นในหมู่บ้านเลี้ยงสัตว์

ข้อควรระวังในการกินโอเมก้า 3 เนื่องจากน้ำมันปลาลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ดังนั้นการกินปลาในปริมาณมากต่อเนื่องกัน หรือกินผลิตภัณฑ์เสริมอาหารน้ำมันปลา จะทำให้มีปัญหาเรื่องเลือดออกหยุดยากโดยเฉพาะหากกินร่วมกับยาต้านเกล็ดเลือด เช่น แอสไพรินหรือโคลพิโดเกรล

กลุ่มกรดไขมันที่เรียกว่า โอเมก้า 3 คือ ไขมันไม่อิ่มตัวชนิดหนึ่ง พบมากในปลาทะเลน้ำลึก เป็นไขมันจำเป็น ต้องได้รับจากอาหารเนื่องจากร่างกายสร้างขึ้นเองไม่ได้สารอาหารที่สำคัญมี 2 ชนิด คือ อีพีเอ และ ดีเอชเอ ปลาทะเลน้ำลึก ที่ให้สารอาหารโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาเฮอร์ริ่ง ปลาแมคเคอเรล ปลาแซลมอน และปลาทูน่า ปลาในอ่าวไทย ที่มีปริมาณโอเมก้า 3 สูง ได้แก่ ปลาทู และที่มีในปริมาณน้อย ถึงปานกลาง ได้แก่ ปลาอีกา ปลากะพง ปลาตาเดียว ส่วน ปลาน้ำจืดบางชนิด เช่น ปลาช่อน ปลานวลจันทร์ จะพอมีโอเมก้า 3 บ้าง ซึ่งมากกว่าปลาน้ำจืดอื่น ๆ


ส่วนความสำคัญของโอเมก้า 3 ในผู้ใหญ่และคนสูงอาย จะช่วยลดระดับไตรกลี เซอไรด์ในเลือด และเพิ่มระดับไขมันชนิดดีซึ่งช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดได้ ลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตันได้ยากขึ้น ช่วยลดความดันโลหิตได้เล็กน้อย ลดอุบัติการของโรคหลอดเลือดหัวใจ จากการลดการเกาะตัวของเกล็ดเลือด ป้องกันโรคความจำเสื่อม ชะลอหรือป้องกันการเจริญของเซลล์มะเร็ง

นอกจากโอเมก้า 3 แล้ว ปลายังเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ย่อยง่าย และในปลาทะเลยังมีไอโอดีน ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาเรื่องคอพอก และช่วยการเจริญพัฒนาของสมองเด็กในช่วงปีแรกด้วย

สำหรับความสำคัญของโอเมก้า 3 ในเด็ก กรด DHA มีความสำคัญต่อการเจริญพัฒนาสมองและดวงตาของเด็กทารก โดยเฉพาะในช่วง 3 เดือนก่อนคลอด การขาดของ DHA จะมีความสัมพันธ์กับโรคสมาธิสั้น โดยเด็กที่มีระดับ DHA ต่ำจะมีปัญหาด้านพฤติกรรม อารมณ์ การนอนและการเรียนรู้มากกว่าเด็กกลุ่มที่มีระดับ DHA ปกติ และเมื่อได้รับ DHA เสริม อาการต่าง ๆ จะดีขึ้น


หากกินปลาทะเลมากกว่า 8 ครั้งต่อสัปดาห์ นอกจากจะมีปัญหาเรื่องเลือดหยุดยากแล้ว ยังจะทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานลดลงด้วย สิ่งที่ควรระวังอีกอย่างในการบริโภคปลาทะเลปริมาณมาก คือ การปนเปื้อนโลหะหนัก โดยเฉพาะสารปรอท ดังนั้นหากบริโภคมากเกินไป จะเกิดการสะสมและเป็นพิษได้.



วันอาทิตย์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2552

วิธีสังเกตอาการเบื้องต้นของมะเร็งชนิด ต่างๆ

อาการของ การเกิดมะเร็งในอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย
1. มะเร็งปากมดลูก อาการ มีเลือดออกจากช่องคลอดทั้ง ๆ ที่ไม่ใช่เวลารอบเดือนปกติของคุณอาการเจ็บปวดและมีเลือดออกหลังจากมีเพศ สัมพันธ์ หากพบว่ามีสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น การตรวจโดยขูด นื้อเยื่อจากบริเวณดังกล่าวไปตรวจด้วยกล้องจุลทรรศน์จะรู้ ได้
2. มะเร็งในมดลูก อาการ มีเลือดออกหลังการมีเพศสัมพันธ์ หรือบางครั้งอาจมีความรู้สึกว่ามีก้อนเนื้อหรือมีอาการบวมในช่อง ท้อ
3. มะเร็งรังไข่ อาการ ประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมออนหรือการมีอาการเจ็บปวดหลังการมีเพศ สัมพันธ์ > มีปัญหา เกี่ยวกับลำไส้อาการท้องอืดอาหารไม่ย่อย น้ำหนักลดและมีอาการปวดหล
4. มะเร็งในเม็ดเลือด ( ลู คีเมีย) อาการเหนื่อยง่ายและมีอาการซีดเซียวกว่าปกติมักเกิดอาการฟกช้ำดำเขียว หรือมีเลือดออกทางผิวหนังได้ง่ายโดยไม่ทราบสาเหตุและมักจะเกิดร่วมกับอาหาร ปวด ตามข้อต่าง ๆ ทั่วร่างกายบางครั้งจะท้องอืดและเมื่อคลำดูจะพบว่ามีก้อนบวมที่ด้านซ้ายของ ช่องท้อง
5. มะเร็ง ปอด อาการ มักมีอาการไอบ่อย ๆ มีเลือดออกและมีเสมหะปนมากับน้ำลายน้?หนักลดอย่าง ฮวบฮาบ เจ็บ หน้าอกและหายใจลำบากหรืออาจมีอาการหอบปนอยู่ด้วยทั้ง ๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
6. มะเร็ง ตับ อาการ ปวดในช่องท้อง เบื่ออาหาร น้ำหนักลดตาและผิวเป็นสีออกเหลืองและเหลืองจัดจนเห็นได้ ชัด
7. มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ อาการ มีเลือดปนออกมากับปัสสาวะ
8. มะเร็ง สมอง อาการ ปวดศีรษะนาน ๆ และมักมีอาการอื่นร่วมด้วยเช่นอาเจียนหรือการผิดปกติของการมองเห็น ตาพร่า และเห็นแสงเขียว ๆ แดง ๆ ลอยไปมาเวลาปวดศีรษะ อ่อนเพลียไม่มีแรง หรือ การเป็นลมโดยกะทันหันอวัยวะบางส่วนของร่างกายหยุดทำงานเช่นมีอาการชาและเป็น อัมพาตชั่วคราวควรให้ความระวังเป็นพิเศษหากคุณเคยมีประวัติการปวดหัวที่มี อาการ เหล่านี้ประกอบอยู่ด้วย
9. มะเร็งในช่องปาก อาการ มีก้อนบวมอยู่ในปาก หรือทีลิ้นเป็นเวลานานมีแผลเปื่อยที่ปากที่ไม่ได้รับการรักษา หรือเป็นแผลเรื้อรังที่เหงือกเนื่องจากการกดทับของฟันปลอมที่ใส่ไว้ประจำ หรือ เป็นเวลานาน
10.. มะเร็งในลำคอ อาการ เสียงแหบพร่าไปทันที มีก้อนบวมในทันทีทำให้รู้สึกว่ากลืนอาหารได้ลำบาก หรือมีการขยายตัวของต่อมในลำคอที่โตขึ้นจนสามารถจับและรู้สึก ได้
11. มะเร็งในกระเพาะอาหาร อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วอาเจียนออกมาเป็นเลือดท้องอืดหรืออาหารไม่ย่อย บ่อย รู้สึกเหมือนมีก้อนเนื้องอกในช่องท้องหรือรู้สึกตื้อ แม้เพิ่งจะรับประทานอาหารไปได้ไม่กี่คำ
12. มะเร็งทรวงอก อาการ มีเลือดหรือของเหลวบางอย่างไหลออกมาจากหัวนมบวมหรือผิวเนื้อทรวงอกหนา ขึ้นมีก้อนบวมจนจับได้เมื่อคลำบริเวณใต้รักแร้บางครั้งอาจมีตุ่มหรือสิวเกิด ขึ้น ที่เต้านมเป็นเวลานานควรระวังเพราะผู้หญิง 9 ใน 10 คน จะมีอาการบวมของก้อนเนื้อบริเวณทรวงอกโดยไม่ทราบสาเหตุเมื่อมีอายุมากขึ้น เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนทำให้เกิดเป็นถุงน้ำใต้ผิวหนังที่เรียก ว่า ซีสต์ซึ่งควรต้องค้นหาสาเหตุของอาการบวมนั้นให้ชัดเจนเสียก่อนว่าคืออะไรกัน แน่
13. มะเร็งลำไส้ อาการ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วมีอาการปวดท้องอย่างมากและระบบการย่อยผิดปกติ มีเลือดออกปนมากับอุจจาระ
ซึ่ง มีวิธีสังเกตของผู้ที่มีอาการเกี่ยวกับริดสีดวงทวารอยู่แล้วคือถ้าใช้กระดาษ ทิช ชูซับแล้วเลือดมีสีแดงสดนั่นคืออาการของริดสีดวงทวารแต่ถ้าเลือดมีสีดำคล้ำ นั่น คือ อาการของโรคมะเร็งในลำไส้
14. มะเร็งต่อมน้ำเหลือง อาการ มีก้อนบวมเกิดขึ้นที่ใต้รักแร้หรือใต้ขาหนีบโดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าไม่ได้ เกิดอาการติดเชื้อในบาง ส่วนของร่างกายมะเร็งผิวหนัง อาการมีแผลหรือแผลเปื่อยพุพองที่ไม่ได้รับการรักษาอยู่เป็นเวลานานตลอดจนไฝ หรือหูดที่โตขึ้นและมีการเปลี่ยนสีหรือรูปร่าง ขนาด นอกจากนี้อาการอันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ เรียกว่าเมลาโนมา ( Melanoma ) คือ เนื้อ งอกที่ประกอบด้วยเซลล์ที่มีเมลานินสะสมอยู่ เช่น กระจุดด่างหรือไฝถ้าคุณมีไฝมากกว่า 50 เม็ดทั่วร่างกายหรือมีคนในครอบครัวที่มีประวัติ

วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

กดจุด เพิ่มพลัง




กดจุด เพิ่มพลัง

ถ้าวันนี้คุณปู่คุณย่ารู้สึกอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง ยังไม่ต้องหายาบำรุงให้กินครับ ชวนท่านมาทดสอบกดจุดเพิ่มพลังก่อน

คนจีนเรียกว่าจุดที่ 1 ของเส้นไต (Ki 1) ว่า จุดหย่งฉวนจุดนี้อยู่กึ่งกลางเนินด้านบนของฝ่าเท้าทั้งสองข้าง

วิธีกดจุด

ใช้นิ้วหัวแม่มือของด้านเดียวกันกับเท้ากดหนักๆ ลงไปตรงตำแหน่งใต้เนินเท้า ซึ้งอยู่ใต้หัวแม่เท้าราว 30 วินาทีถึงหนึ่งนาที ทำสลับกันทั้งเท้าซ้าย ­- ขวา จำนาน 3 ครั้ง

ผลที่ได้จะช่วยบรรเทาอาการอ่อนเพลีย หมดเรี่ยวแรงเซื่องซึม และเหงาหงอยได้ แต่มีข้อยกเว้นสำหรับผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตต่ำ

กะหล่ำปลี ลดอ้วน


กะหล่ำปลี ลดอ้วน

เมื่อไม่นานมานี้ สาวๆ ที่กำลังลดความอ้วนได้ยินข่าวกับยาลดความอ้วนที่มีอันตรายถึงชีวิต
นี่เป็นบทพิสูจน์หนึ่งว่าการลดความอ้วนแบบธรรมชาตินั้นปลอดภัยที่สุด วันนี้เรามีผักแสนอร่อยที่ช่วยควบคุมน้ำหนักมาแนะนำครับ
ผักที่ว่านี้คือกะหล่ำปลีแบบบ้านๆ ของเรานี้เอง เพราะล่าสุดมีงานวิจัยที่สนับสนุนว่ากะหล่ำปลีมีกรดทาร์ทาริก ช่วยยับยั้งขัดขวางไม่ให้น้ำตาลและแป้งกลายไปเป็นไขมัน จึงช่วยลดน้ำหนักได้
วิธีปรุง อาจรับประทานเป็นผักสลัด แถมกะหล่ำปลีดิบยังมีวิตามินซีสูงด้วย หากปรุงควรปรุงด้วยการนึ่ง อบไมโครเวฟ หรือผัด จะช่วยคงคุณค่าของสารอาหารไว้ได้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามควรรับประทานแต่พอเหมาะ เพราะการรับประทานกะหล่ำปลีมากเกินไปอาจมีปัญหาในเรื่องของต่อมไทรอยด์ได้
เย็นนี้ลองทำอาหารใส่กะหล่ำปลีกินเองดูดีไหมครับ เพื่อสุขภาพของตัวเองครับ

ตรวจหามะเร็งอะไรบ้าง




ตรวจหามะเร็งอะไรบ้าง

เคยสงสัยไหมครับว่าเราควรตรวจสุขภาพอย่างไรให้ปลอดภัยและคุ้มค่าวันนี้มีคำแนะนำจากศูนย์สุขภาพบำบัดโรงพยาบาลศิริราช มาแนะนำครับ

สำหรับผู้ชายที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป แนะนำให้ตรวจสุขภาพตามตารางครับ

นอกจากนี้เราควรดูพฤติกรรมเสี่ยงของเราด้วยว่าเสี่ยงต่อการเกิดโรคภัยต่างๆหรือไม่ เพี่อให้การตัดสินใจเป็นไปอย่างคุ้มค่า คุ้มราคา

วิธีตรวจ บ่อยแค่ไหน

ส่องกล้องตรวจหามะเร็งลำไส้ใหญ่ส่าวกลาง ทุกปี ถ้าผลปกติ 2 ครั้งติดต่อกัน

ต่อไปควรตรวจทุก 3-5 ปี

ตรวจทวารหนัก ทุกปี

ตรวจอัลตราซาวนต์ตับและตรวจเลือด ทุกปีหรือทุก 6 เดือน

กลืนแป้งเพื่อตรวจกระเพาะอาหาร ทุกปี

เอกซเรย์ปอด ทุกปี

ตรวจภายในและตรวจหาเซลล์มะเร็ง ทุกปี ถ้าผลปกติ 3 ครั้งติดต่อกัน

ต่อไปตรวจอย่างน้อยทุก 2 ปี

การตรวจเยื่อโพรงมดลูก ทุกปี

การตรวจเต้านม ทุก 1­-2 ปี


ฟรี 7 กลุ่มเสี่ยง รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่




ฟรี 7 กลุ่มเสี่ยง รับวัคซีนไข้หวัดใหญ่


ว่ากันว่าช่วงเวลาที่สายฝนโปรยปรายลงมาอย่างนี้เป็นจังหวะที่โรคต่างๆ จ้องมาเล่นงานเรา โดยเฉพาะกับคนที่ร่างกายอ่อนแอ
การป้องกันจึงเป็นเรื่องสำคุยที่สุด ด้วยเหตุนี้กระทรวงสาธารณสุขจึงร่วมมือกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ จัดโครงการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ให้แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยงซึ่งเป็นผู้ป่วยโรคเรื่อรัง 7 โรค ได้แก่ ปอดอุดตันเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอกเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างการได้รับเคมีบำบัด และเบาหวาน
เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีความเสี่ยงในการเจ็บป่วยสูง หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่จะทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงจนอาจเสียชีวิตได้
โครงการนี้ยังขยายสิทธ์ให้แก่ประชาชนทุกกลุ่มอายุและทุกสิทธิการรักษาพยาล ทั้งสวัสดิการข้าราชการ ประกันสังคม
และหลักประกันสุขภาพทั่วหน้า(บัตรทอง ) ด้วย
นายแพทย์จักรกริช โง้วศิริ ผู้จัดการกองทุนสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค ซึ้งรับผิดชอบโครงการวัคซีนไข้หวัดใหญ่ กล่าวว่า ได้กำหนดให้วัคซีนพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 1 กรกฎคม ถึง 31 สิงหาคม 2552 จึงขอเชิญชวนประชาชนที่ป่วยด้วนโรคเรื้อรังทั้ง 7 โรคดังกล่าวสอบถามรายละเอียดเพื่อเข้ารับการฉีดวัคซีนที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน สปสช. โทร. 1330

สินค้ารวม